วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ตอนที่ ๑๕ บ้าเรื่องแผ่นดินไหว

เพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลายและบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท วันนี้ยังเป็นวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๗ เป็นตอนที่ ๘ สำหรับการบันทึก และก็การบันทึกนี่อย่าลืมว่า ผมยังอยู่ในการป่วยไข้ไม่สบายอยู่มาก เมื่อตอนเช้าหมอมาให้น้ำเกลือ หมอเขาก็หาว่าผมไม่พัก ผมก็ต้องทนให้หมอดุ เพราะผมก็ไม่พักจริง ๆ เพราะผมเองไม่ไว้ใจในชีวิต ไม่ทราบว่าชีวิตนี้มันจะตายเมื่อไร ก่อนจะตายก็เล่าความเป็นมาสู่กันฟังเสียก่อน เพราะว่าประเดี๋ยวเวลาผมตาย คนนั้นเขียนประวัติ คนนี้เขียนประวัติ ก็อาจจะเขียนไม่ค่อยถูก ไอ้ความกระจุ๋งกระจิ๋งเขียนมาก็จะเป็นการขัดแย้งกัน


ความจริงผมเองผมก็รู้ประวัติผมไม่หมดเหมือนกัน มันจำไม่ได้ครับ เรื่องมันนานมาแล้วและเวลากาลผ่านมาถึง ๗๐ ปี คงจำอะไรไม่ได้ดี บางอย่างน่าจะจำได้ก็จำไม่ได้ เอ้า คุยกันต่อไป



ก็รวมความว่า อารมณ์ที่ท่านฝึกได้แล้วขอเตือนไว้นิดหนึ่ง ยังไง ๆ เราก็หนีนรกกัน บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทก็เช่นเดียวกัน มันจะหนีพ้นหรือไม่พ้น ก็พยายามวิ่งหนีเข้าไว้ก็แล้วกัน




อันดับแรกอย่าประมาทในชีวิต คิดว่าชีวิตนี้มันจะต้องตาย ยังไง ๆ เราก็ตายกันแน่



ประการที่ ๒ ก่อนจะตายยึดพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "คนนึกถึงชื่อท่านอย่างเดียวไม่เคยทำบุญทำกุศลอย่างอื่น ตายแล้วไปสวรรค์นับไม่ถ้วน" อย่างน้อยที่สุดเราเผ่นขึ้นสวรรค์ก่อนก็ยังจะดีต่อไปเป็นพรหม ไปนิพพานนั้น ก็ว่ากันทีหลังก็ได้ ยึดสวรรค์เป็นเป้าหมายไว้ก่อน



ทางที่จะไปสวรรค์ได้จริงจังอย่างมั่นคงและไม่ลงอบายภูมิก็คือ ทรงศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ศีล ๕ น่ะจริง ๆ ผมคิดว่าควรจะบวกกับ กรรมบถ ๑๐ ถ้าเป็น ศีล ๕ จริง ๆ ยังสร้างความสะเทือนใจแก่บุคคลอื่น และอันดับหลังตั้งใจไว้เพื่อ นิพพาน โดยเฉพาะ



การตั้งใจไว้เพื่อ นิพพาน นี่ผมเคยถาม หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญเรียกว่า "หลวงพ่อสด" ก็แล้วกัน เวลานั้นผมไปหาท่าน ท่านยังไม่ได้เป็นพระครู ยังไม่ได้เป็นเจ้าคุณ เมื่อท่านเป็นแล้ว ท่านก็บอกว่าเขาเอาหัวโขนมาตั้งให้ มาสวมให้ แต่ฉันจะไม่เต้นไปตามจังหวะของโขน ฉันจะเต้นตามปกติของฉันตามเดิม พระองค์นี้น่ารักมาก ผมนับถือมาก ท่านเคยบอกว่าควรจะหวัง นิพพาน ผมก็ถามว่า



"คนอย่างกระผมจะไปนิพพานกับเขาได้หรือครับ?"



ท่านก็บอกว่า "เราตั้งใจไว้ก่อน เหมือนกับคนขึ้นยอดไม้ เธอขึ้นต้นไม้ตั้งใจเราจะข้นให้สุดยอด ถ้าบังเอิญเราตั้งใจขึ้นสุดยอดแรงมันไปไม่ถึง มันก็ต้องไปถึงกิ่งใดกิ่งหนึ่งเป็นที่พักจนได้ ถ้าเราตั้งใจต่ำ ดีไม่ดีมันขึ้นไม่ถึงเลย"



ท่านบอกว่า "หวังนิพพานก็เช่นเดียวกัน ถ้ากำลังอย่างอ่อนมันก็ไปค้างที่สวรรค์ได้ กำลังอย่างกลางก็ไปค้างที่พรหม ถ้าเราเกิดจิตไม่นิยมมนุษย์โลก เทวโลก และพรหมโลก หรือไม่นิยมร่างกายด้วยความจริงใจ เราก็ไปนิพพาน"



คติของหลวงพ่อสดนี่ดีมาก ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทและญาติโยมทั้งหลายพยายามปฏิบัติทำตามไว้เถอะ ตัวท่านตาย แต่ความดีของท่านยังไม่ตาย ผมยอมรับนับถือองค์นี้ท่านดีจริง ๆ วิชาความรู้นี้ผมก็เรียนกับท่านไว้เยอะ ที่นำมาใช้นี่ก็เอาของท่านมาใช้เยอะเหมือนกัน ท่านก็บอกเป็นของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของท่าน ท่านค้นคว้าเอามา เป็นพระองค์แรกที่ทำให้คนมีความเข้าใจเรื่องสวรรค์ เรื่องนรก ได้ชัดแจ้งแจ่มใส และเรื่องนิพพานด้วย



แต่ก็น่าแปลก หลวงพ่อสดกับผมก็คล้ายคลึงกันอยู่อย่าง ถูกด่าแหลกเหมือนกัน ด่าท่านเท่าไรท่านก็ยิ้มตลอดเวลา ผมก็เลยจำยิ้มของท่านมา แต่ก็ขอได้โปรดอย่ามาด่าต่อหน้าก็แล้วกัน ไม่แน่ใจจะยิ้มออกหรือไม่ออก ถ้าด่าลับหลังด่าไปเถอะ ด่ายังไงก็ด่าไป อย่าเข้ามาด่าใกล้ ๆ ด่าไกล ๆ ไม่เป็นไร ถ้าด่าให้ได้ยิน ผมประกาศแล้วนี่ไม่ใช่ พระอรหันต์ ผมไม่ใช่พระอนาคามี ผมไม่ใช่พระอริยะ ผมไม่ใช่ผู้ทรงฌาน ผมมีคติอย่างเดียวว่าบวชต้องการนิพพาน จะไปได้หรือไม่ได้ก็ช่าง จะไปได้ก็ต้องการจะไปยังไม่ได้ก็ต้องการ เพราะใจมันต้องการมาตั้งแต่กำเนิดเสียแล้วก็อยากจะไป ชาตินี้ไปไม่ได้ ชาติหน้าก็ไปได้ ชาติหน้าไปไม่ได้ ชาติโน้นก็ไปได้



และที่เวลาเราเกิดมาเพื่อแก่ กว่าจะแก่ถึง ๗๐ ปีมันใช้เวลานานมาก มันก็ยังแก่มาได้ และเรื่อง นิพพาน ถ้าเราไม่ท้อถอย ทำไมจะไปไม่ได้ ใครเขาจะหาว่าเป็นยังไงก็ช่าง เราปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าก็แล้วกัน พระพุทธเจ้าสอนคนให้ทุกคนไปนิพพาน เราก็ต้องการไปนิพพาน อย่างพระพุทธเจ้าท่านบอก ท่านบอกว่าธรรมะของท่านให้เลือกปฏิบัติที่เห็นว่าควรปฏิบัติ ไม่ใช่ยกมาทั้งกระบิ ไม่ใช่นำหนังสือเล่มใหญ่ ๆ มาก็ทำอย่างนั้นทุกถ้อยคำ ไม่มีผล



และขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนและเพื่อนภิกษุสามเณรจงอย่าทำตนเป็น "เถรใบลานเปล่า" คือไปที่ไหนก็คุย "ฉันเรียนจบถึงนั่น" "ฉันเรียนถึงนี่" "ฉันเรียนถึงโน่น" แต่เรียนน่ะมันไม่มีผลหรอก มันต้องปฏิบัติ ก็คนที่เขาไม่เรียนเลย เขาไปนิพพานได้ตั้งเยอะ



อย่างสมัยพระพุทธเจ้า ตาสีตาสามาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยแม้แต่พระพุทธเจ้าฟังเทศน์จบเดียวก็มีความเข้าใจ บรรลุมรรคผลเป็นพระอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาญาณ



และตอนนี้ความรู้พระพุทธศาสนาทุกอย่างก็เข้าใจหมด นี่ความรู้จริง ๆ มันมาจากผลการปฏิบัติ ไม่ใช่การเรียนหนังสือโดยเฉพาะ ที่เรียนหนังสือโดยเฉพาะประกาศตนเป็นผู้นำความดีไปให้ แบกความดีไปให้แต่ในที่สุดตัวเองเละเทะ เลือกไม่ไหวนับไม่ถ้วน



ก็รวมความว่าอย่าประมาท คนที่เขาเรียนรู้มากเขาดีก็มี เขาปฏิบัติจริงก็มี คนที่เรียนรู้มากไม่เอาไหนก็มี คนที่เรียนรู้น้อยมีการปฏิบัติจริงเข้าถึงขั้นสูงสุดก็มี คนที่ไม่เรียนรู้อะไรเลย โผล่เข้ามาปฏิบัติเฉย ๆ ได้ผลสูงสุดก็มี ก็รวมความว่าความดีหรือความชั่วมันอยู่ที่ตัวปฏิบัติ



ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าเรายังไม่ตายก็จงอย่าช่วยกันทำบ้านเมืองให้วุ่นวาย ช่วยกันทำบ้านเมืองให้มีความสุข คือคิดว่าชีวิตนี้มันต้องตาย ก่อนจะตายจากความเป็นคนเราต้องเป็นคนดี ตายเป็นผีจะได้เป็นผีดี เป็นผีเทวดา เป็นผีพรหม และเป็นผีนิพพาน



หลังจากนั้นยึดความดีพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง และก็ปฏิบัติตน ไม่ใจร้าย มีใจเมตตาปรานี ไม่ฆ่าใครไม่ทำร้ายใคร ไม่ลักไม่ขโมย ไม่ยื้อแย่ง ไม่คดโกงทรัพย์สมบัติของใคร ไม่แย่งคนรักของใคร ซื่อสัตย์สุจริตต่อคู่ครอง นี่ด้านกาย



ด้านวาจา ไม่พูดคำไม่จริง พูดแต่วาจาจริง ไม่พูดคำหยาบพูดแต่วาจาไพเราะ ไม่พูดยุยงส่งเสริมให้เขาแตกร้าวกัน หรือไม่นินทาเขา พูดแต่วาจาสร้างสรรค์ความสามัคคี ไม่พูดวาจาที่ไร้ประโยชน์ วาจาใดที่เป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายเราพูด และก็ไม่ดื่มสุราเมรัย

ด้านกำลังใจ ไม่คิดจะลักขโมยอยากได้ทรัพย์สมบัติของใคร ใจไม่คิดเลยไม่คิดจะพิฆาตเข่นฆ่าประหัตประหารใคร ทำความเห็นให้ถูกว่าอันใดสิ่งใดเป็นปัจจัยของความสุขกับเรากับเพื่อนร่วมโลกเราจะทำอย่างนั้น แค่นี้บ้านเมืองจะมีความสุข



การที่จะรักษาพระพุทธศาสนา เวลานี้มีข่าวโครมคราม ๆ เขาบอกว่ากลัวคริสเตียนจะมาแย่งดินแดนพระพุทธศาสนาไป เกรงว่าจะแย่งคนไป ไม่ต้องกลัว กลัวทำไมคนของเรา เราดีเขาเอาไปไม่ได้ แต่เราอย่ากลายเป็นโจรปล้นตัวเองก็แล้วกัน



ก็หมายความว่าวิชาความรู้ที่ผมสอน พวกคริสต์เขามาเรียนกันเยอะ พวกอิสลามก็มาเรียนกันเยอะ และก็ถ้าของเขาไม่มีของเรามี ถ้าบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย แต่ผมน่ะไม่สามารถนะ ผมก็ได้แต่ความรู้เป็ด ๆ แค่นี้แหละ ความสามารถยิ่งใหญ่จริงจังของผมไม่มี ถ้าทุกคนใช้หลักสูตรของวิชชาสามและอภิญญาหก มาใช้เป็นปกติสำหรับพระ ฆราวาสน่ะผมไม่ไปพูดเคี่ยวเข็ญแบบนั้นหรอก พระก็ไม่ได้เคี่ยวเข็ญแต่พูดตามความเป็นจริงว่า



ถ้าเราจะอนุรักษ์พระพุทธศาสนา ให้พระพุทธศาสนาคงอยู่จริง ๆ พระพุทธศาสนาจะคงอยู่ได้เพราะความเลื่อมใสของคน เพราะชาวบ้านชาวเมืองมีความเข้าใจในพระพุทธศาสนามีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ ภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา มีความเข้าใจว่าตายแล้วเกิดหรือไม่เกิด สูญหรือไม่สูญ นรกมีจริงไหม นี่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่านรกมีจริงเราอย่าฝืนท่าน หาทางแนะนำญาติโยมพุทธบริษัทให้เห็น นรก สวรรค์ เปรต อสุรกาย เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยทิพจักขุญาณในหลักสูตร วิชชาสาม ให้เข้าใจว่าตายแล้วไม่สูญด้วยกำลังของ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือระลึกชาติ แค่นี้ละครับเพื่อนภิกษุสามเณร พระพุทธศาสนาไม่ไปไหน



ท่านจะเห็นว่าเวลานี้สำนักกรรมฐานเยอะ ทุกแห่งเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง แม้แต่จะอยู่ในป่าในเขา เพราะว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทมีความเข้าใจตามความเป็นจริง เห็นจริงเห็นจังตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็ท่านผู้นั้นเป็นเจ้าของถิ่นเป็นเจ้าสำนัก ท่านมีความรู้ความสามารถในการแนะนำ ฉะนั้นคนจึงไปหาท่านมาก



ถ้าบรรดาพระสงฆ์ทุกท่านที่ท่านบอกว่าท่านจะช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนา ให้ทรงอยู่ไม่มีใครไปแย่งคนไปจากพระพุทธศาสนาได้ ก็ไม่ต้องไปทะเลาะกับเขา เพียงเอาหลักสูตรวิชชาสามและอภิญญาหกไปใช้พอแล้ว เหลือแหล่ แม้แต่แค่ความรู้เป็ด ๆ อย่างผมได้มากระจุ๋มกระจิ๋ม จะเป็นวิชชาสามจริงก็ไม่ใช่จะเป็นอภิญญาก็ไม่ใช่ อภิญญาไม่ใช่แน่



แต่การเตรียมตัวเพื่ออภิญญาอาจจะมีบ้าง มีก็เป็นสะเก็ดเศษ ๆ เลย ๆ ถึงอย่างนั้นการไปอเมริกาปีที่ ๒ คือปี ๒๕๒๗ ฝรั่งมาปฏิบัติธรรมได้กันเยอะ คล่อง แคล่วมาก ทั้งนี้ก็ต้องขอบใจ ดร.ปริญญา นุตาลัย เป็นคนสอน กับคุณวิรัช คือ พระวิรัช ที่วัดท่าซุงนี่เอง เธออยู่อเมริกามาหลายปีเป็นคนสอน เขาพูดภาษาฝรั่งได้ ไอ้ผมน่ะไม่ได้สักคำ ภาษาฝรั่ง "กิน" เขาก็ไม่เรียกว่า "เจี๊ยะ" ถ้าเจี๊ยะพอเรียกได้ ไม่รู้เขาพูดยังไง กินไม่ถูก ก็ต้องใช้ภาษาใบ้กัน



ฝรั่งมังค่าเขาได้กันเยอะแยะ เขาสอนกันแค่ ๑๐ นาที ระลึกชาติได้ทันที ดร. ปริญญา นุตาลัย เธอยังมีชีวิตอยู่ ใครสงสัยก็ไปคุยกับเธอก็แล้วกัน เธอเป็นคนสอน



และเรื่องการรู้อะไรต่ออะไรเราพิสูจน์กันแล้ว ฝรั่งคนนั้นไม่รู้เรื่อง ถามแล้วแกตอบถูกหมด ไอ้สิ่งที่ถูกไม่ใช่ถูกเฉพาะสิ่งที่เรามองไม่เห็นคือชาติก่อน เอากันชาตินี้ ชาตินี้เวลานี้อะไรอยู่ที่ไหนเธอตอบได้ทันที อันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ของความรู้แต่ความรู้นี่จะยืนยงทนได้นานไม่นานเพียงใดก็ขึ้นกับกำลังใจของเธอ สำหรับผมเองผมก็ไม่ยืนยันเหมือนกัน จะเผลอลงนรกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

วันนี้เฉื่อยไปนะ เวลาหมดไปเกือบ ๒๐ นาที นี่หมดไป ๑๗ นาทีแล้ว ก็เลยจะขอบ้าอีกนิด เป็นบ้าสุดท้ายสำหรับหนังสือเล่มนี้ อันนี้ให้เขาทำเป็นเสียงไว้เล่มละ ๑๐ คาสเซท ถ้าจบ ๑๐ คาสเซทถือว่าหมดเรื่องกันที เป็นเล่มหนึ่งเล่ม แต่ยังไม่จบมันจะมีเรื่อย ๆ ไปจนกว่าผมจะเล่าเรื่องไปถึงตอนผมเกิดโน่น ถอยหลังลงไป และก็ยังจะยาวต่อไปว่าหลังจากที่บันทึกและทำหนังสือนี้แล้ว ไปพบอะไรบ้าง จะว่าต่อไปอีกถ้ามีแรงทั้งนี้ไม่แน่ผมไม่ยืนยันเหมือนกัน เพราะเวลานี้ผมพูด ผมนอนพูดน่ะ มันจะพูดไปได้เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ก็ขอบ้าต่อไป เหลือเวลาอีก ๑๐ นาทีเศษ ๆ บ้าอีกสักคาสเซทหนึ่งคาสเซทนี้ก็เข้าไปค่อนหน้าแล้ว คือว่าขอบ้าเรื่องแผ่นดินไหว



ไอ้คำว่า "แผ่นดินไหว" นี่มันก็เป็นเรื่องพูดกันสั้น ๆ แต่ความจริงต้นเหตุแห่งแผ่นดินไหว ว่าแผ่นดินไหวเพราะอะไร



เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๖ เดือนพฤษภาคม อาศัยที่ลูกศิษย์ลูกหาลูกหลานที่ประเทศอเมริกาเธอเดินทางมาศึกษาพระกรรมฐานที่ประเทศไทยบ้าง ที่ยังไม่มาก็รับเทปบ้างหนังสือบ้างไปฝึกกันกำลังศรัทธาของเธอดีมาก ผมรับเงินของเธอทีไร กำลังใจเต้นตึ๊ก ๆ ทุกที ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะทราบว่าทุกคนที่ไปประเทศอเมริกาต้องการจะหาเงินหาทองมาตั้งตัว แต่ทว่าในเมื่อเธอต้องทำบุญ ก็ต้องเชือดเนื้อเถือหนังของเธอ เลือดออกโชก สมมุติเอา เอามาทำบุญ ก็เกรงว่าเธอจะลำบาก แต่ว่าทุกคนก็พร้อมบอกยอมรับว่าตั้งใจจะทำบุญจริง ก็ดีใจ จึงได้เตือนว่าการทำบุญน่ะ ทำแต่พอควรอย่าให้หนักเกินไปจะเดือดร้อนภายหลัง



ต่อมาเธอก็ขออาราธนาไปอเมริกา ใช้เวลา ๓ ปี ผมก็ไม่ค่อยสบาย เลยตัดสินใจว่า ๒๕๒๖ พฤษภา ไปแน่ ตอนนั้นก็ยกโขยงไปประมาณ ๒๘ คน ยังน้อยกว่า ๒๕๒๗ ยกโขยงไป ๔๓ คน นี่ไม่ไปเที่ยวกัน โอกาสจะเที่ยวไม่มี ไปมุ่งอย่างเดียวคือ ธรรมะ รวมความว่า ผมตั้งใจเอาเป็ดไปปล่อยที่อเมริกา เป็ดคือผม คือความรู้เป็ด ๆ เอาไปปล่อยที่อเมริกา



การไปปีที่แล้วทัวร์เขาจัด ให้ทัวร์จัดเขาก็ไปแวะฮาวายก่อน นั่งเครื่องไปฮาวายนี่ไม่รู้ว่ามันมืดเมื่อไร ออกจากไทยไปสิงคโปร์ก่อน ออกจากสิงคโปร์เปลี่ยนเครื่องก็ไปไทเป ไทเปเริ่มค่ำไฟฟ้าสลัว ๆ ออกจากไทเปมุ่งหน้าไปฮาวายเครื่องบินไปได้หน่อยเดียว หยิบนาฬิกาขึ้นมาตี ๒ ของประเทศไทยเห็นแสงสว่างมันลอดเข้ามา ข้าง ๆ เครื่องบิน อะไรกันแน่ ลองเปิดหน้าต่างดูแสงพระอาทิตย์ ตายจริง นี่มันสว่างแล้ว ประเดี๋ยวเดียวเขาเอาอาหารมาเสิร์ฟก็ต้องกิน ก็ต้องใช้เวลาที่มันสว่างที่ไหนกินที่นั่น เขาเลี้ยงเมื่อไรกินที่นั่น จะไปถึงตี ๒ กินยังไง พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกตี ๒ พระพุทธเจ้าบอกแสงอาทิตย์ขึ้น อรุณที่ ๒ ขึ้นแล้วก็กินได้ นี่แสงอาทิตย์สว่างจ้าไม่ใช่ที่ ๒ เป็นที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ

พอไปถึงฮาวาย (ขอเล่าลัด ๆ) เขานำไปพักที่พัก ที่พักก็สบายดี เป็นหน้าที่ของทัวร์จะพาเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ วันแรกไปถึงก็งงกันไปหมด คนอื่นงงหรือไม่งงก็ไม่ทราบ ไอ้กลางคืนมันเริ่มเป็นกลางวัน ไอ้กลางวันมันเริ่มเป็นกลางคืน ชักจะยุ่งกันใหญ่ ผมก็นั่งสะสืมสะลืออยู่ในห้องพักแต่ผู้เดียว ตอนเย็น ดร.ปริญญา นุตาลัย เธอก็ไปเช่ารถ รถเก๋งเขามีให้เช่า เขาวิ่งเที่ยว



เธอถาม "หลวงพ่อไปไหม" ผมก็บอกว่า "ไป" ไปไหนก็ไม่รู้ เห็นฝรั่งวิ่ง ครึ่บ ๆ ไอ้ฮาวาย อากาศมันดี ขณะที่นั่งไปก็ถาม ดร.ปริญญา ว่า



"เออนี่ มันยังไงกันแน่ การที่มาคราวนี้เขาช่วยค่าเครื่องบินเธอ เธอก็ไม่รับ เอาไปคืน"



แต่ความจริงไม่ใช่สตางค์ของผม สตางค์ของญาติโยม ดร.ปริญญานี่เธอเคยเรียนที่อเมริกา คล่องแคล่วในประเทศอเมริกามาก ก็ต้องหาคนคล่อง ๆ ไป และก็ได้ประโยชน์ใหญ่จากเธอจริง ๆ ประโยชน์ใหญ่มาก การเดินทางก็ดี การพักผ่อน อะไรทั้งหมด เป็นภาระของเธอ ดีจริง ๆ แม้จะติดต่อการเดินทางไปไหนก็ตามรู้สึกว่า เธอคล่อง แต่ทุกคนก็ดี ทุกคนเขาไม่ชิน ก็มีชินก็คุณวิรัชอีกคนหนึ่งซึ่งกลับมาจากอเมริกา นอกจากนั้นก็มีโยมปรุง ตุงคเศรณี เคยเป็นกงสุลไทยประจำฮ่องกง ก็เข้าใจในภาษาต่างประเทศได้ไดี



ก็รวมความว่า ดร.ปริญญาเธอมีความคล่องตัวมาก เธอก็พาไปเที่ยว นั่งไปก็ถามว่า "เขาให้สตางค์ค่าเครื่องบินทำไมจึงไม่รับ?"



เธอก็บอกว่า "ผมไม่ต้องรับหรอกครับหลวงพ่อ เพราะก่อนหลวงพ่อจะมานี่ ฝรั่งมันจ้างผมให้ค้นคว้าเหตุผลแผ่นดินไหวว่ามันมาจากเหตุอะไร จากธรรมชาติ ไอ้ธรรมชาติทำยังไงแผ่นดินจึงไหว?"



ก็ถามเธอ ความจริงอันนี้ผมก็ไม่รู้จริง ๆ เหมือนกัน เรื่องแผ่นดินไหว พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ ๘ อย่าง ไอ้กฎแห่งธรรมชาตินี่มันมีอยู่ แต่ธรรมชาติมันทำอย่างไรแผ่นดินจึงไหว อย่าลืมว่าแผ่นดินน่ะไม่ใช่กระต๊อบนะครับ กระต๊อบลมพัดมามันไหวได้ แผ่นดินมันใหญ่มันหนักเหลือเกิน มันไหวเพราะอะไร เธอก็บอกว่า



"เหตุจริง ๆ มันเป็นอย่างนี้ครับ แต่ว่าข้อมูลละเอียดนี่ไม่ทราบ คือว่าแผ่นดินมันมีการแยกตัวเป็นร่องภายในและก็มีลมเกิดขึ้น แผ่นดินก็ไหว"



ก็พูดกันน้อย ๆ ไม่ได้ถามอะไรอีก ต่อไปก็คุยเรื่องอื่นไป ผมก็ไม่ติดใจเรื่องแผ่นดินไหว รู้ไปแล้วก็แค่นั้น รู้ไปแล้วผมจะไม่แก่ ผมก็แก่ทุกวัน รู้แล้วผมจะไม่ตายเรอะ ผมก็ตาย ผมก็ต้องห่วงผม ห่วงว่ากำลังใจของผมดีหรือเลวขนาดไหน มันจะไปนรกหรือสวรรค์กันแน่ แค่นี้เอง นี่ห่วงจริง ๆ ห่วงตัวเอง พอหลังจากการเที่ยวแล้ว พอค่ำหน่อยก็กลับ



ยังชอบฮาวายว่าเขามีภูเขาเป็นที่อยู่อาศัย บ้านเขาปลูก แหม...กลางคืนไฟฟ้าสว่างพรึ่บสวยงามมาก แล้วหนักใจอยู่นิด ไอ้คนบนยอดเขามันกินน้ำที่ไหน ในกรุงเทพ ฯ เราอยู่พื้นดินแท้ ๆ น้ำยังไม่ค่อยจะมีกิน ไม่สะดวก แต่นั่นที่ฮาวาย ไปตั้งบ้านบนยอดเขา แกต้องกินลมหรือไง อันนี้ผมไม่ทราบ แต่เข้าใจว่าฝรั่งเศคงไม่กินลมคงต้องกินน้ำ



เป็นอันว่าเรื่องนี้ไม่ต้องคิด กลับที่พัก เห็นในห้องเขามีโทรทัศน์ มองดูรายการเห็นมีรายการข่าวก็ลองเปิดโทรทัศน์ดู ผมไม่รู้ภาษาฝรั่งกับเขา ผมเห็นภาพผมก็นั่งเดาเล่นโก้ ๆ พอจบข่าวก็ปิด เพราะลูกตาผมเวลานี้มันเสียซะแล้ว ถ้าดูละครมันมองไม่ค่อยเห็น มันเห็นชัดแต่ข่าวเท่านั้นเอง แต่ข่าวนี่เห็นชัดจริง ๆ



ก็รวมความว่าเมื่อถึงกาลเวลาจะนอนก็นอนลงไป ตามปกติของพระเวลาจะนอนทำอย่างไร ก็ทราบกันอยู่แล้ว ยังไม่นอนหรือนอนก็มีคติคล้ายคลึงกัน นั่นก็คือทำจิตให้เป็นสุขก่อน พอนอนจับอานาปานุสสติ พอเริ่มจับปรี๊ดเดียว หายใจเข้าไม่ทันหายใจออก เห็นภาพพระ พระพุทธเจ้า ท่านมายืนตระหง่านอยู่ใกล้ ๆ ข้างหน้า สวยงามมาก ในภาพทรงแย้มพระโอษฐ์

นี่ใครจะหาว่าผมบ้าภาพก็ตามใจ ภาพพระพุทธเจ้าผมชอบบ้า ถ้าบ้าเห็นพระพุทธเจ้า ผมอยากบ้าตลอดทุกวินาทีของชีวิตที่ทรงอยู่ และก็ได้ยินเสียงท่านถามว่า



"เธอสงสัยเรื่องแผ่นดินไหวหรือ ?"



ก็กราบทูลให้ทรงทราบว่า "สงสัยพระพุทธเจ้าข้า"



ท่านบอกว่า "สงสัยทำไมจึงไม่ถาม"



ก็ตอบกับท่านว่า "เห็นว่ามันเป็นเรื่องของโลก ไม่เป็นสาระไม่เป็นแก่นสารแห่งธรรม ก็ไม่กล้าถามและก็ไม่กล้าจะยุ่ง เกรงว่าจิตจะวุ่นวาย"



ท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นไร มันเป็นสาระไม่ใช่ไร้สาระ"



ท่านบอก "ถ้าอยากจะรู้ก็ตามฉันมา"



ตอนนี้ได้เรื่องแว๊บเดียวลงไปใต้ดินเลย ไปเห็นแผ่นดิน มันเป็นร่องใหญ่ โอ้โฮ! จะว่าเป็นแม่น้ำนี่ไม่ใช่แล้ว บางจุดมันกว้างแบบทะเลน้อย ๆ ไอ้ทะเลใหญ่ ๆ เขากว้างกันเท่าไหร่ก็ไม่รู้ คือศูนย์ที่กว้างที่ห่างจริง ๆ มันเป็นไมล์ ๆ บางทีถึง ๗ ไมล์ ก็มี กว่าก็มี กว้าง มันเป็นร่องลึกเรื่อยไป ในความรู้สึกว่าผมก็ตามท่านไปเรื่อย ๆ ไปรอบโลก ไอ้รอยแตกของแผ่นดินนี่มันรอบโลกจริง ๆ และก็ในรอยแตกของแผ่นดินนี่ มองดูแผ่นดินข้างใต้มันเหมือนกับดินผสมน้ำเป็นโคลนอยู่ มันเดือน ปุด ๆ ท่านก็เลยบอกว่า



"แผ่นดินจริง ๆ ข้างล่างมันแตกแยกกันอย่างนี้ ร่องมันใหญ่มาก"



งั้นแผ่นดินไหวเกิดจากเหตุนี้ ดร.ปริญญาเธอพูดไว้ตอนนี้ผมก็ทิ้งตอนนี้ เมื่อทิ้งเท่านี้ก็พอดีกลับ กลับจากวันนั้น วันนี้ก็ต้องไปเหมือนกัน ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะเวลาสัญญาณ ๒ เครื่องบอกเวลาปรากฏว่า "เลิกเถอะ" ก็ต้องขอลาก่อน ไว้ฟังกันคาสเซทหน้า ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนและเพื่อนภิกษุสามเณรทุกท่านผู้รับฟัง

สวัสดี





แหล่งที่มา :
- หนังสือ มโนมยิทธิและประวัติของฉัน
- เวปหลวงพ่อฤาษีดอทคอม






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บ้านอิ่มบุญ

บ้านอิ่มบุญ
กลับหน้าหลัก