วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ตอนที่ ๑๖ บ้าเรื่องแผ่นดินไหว (ต่อ)

ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลายและบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย คาสเซทช่วงนี้เป็นช่วงที่ ๔ ของเรื่องบ้า ๆ แต่ว่าหนังสือก็เกือบจะเต็มเล่มอยู่แล้ว ถ้าเหลืออีก ๒ คาสเซท หรืออีก ๒ ชั่วโมงแห่งการพูดก็จบ คำว่า "จบ" หมายถึงจบตอนหนึ่ง ยังไม่จบเลย คือจะทำหนังสือเป็นเล่มไม่โตนัก และเทปเสียงก็มี จากเทปเสียงนี่เอาไปเขียนเป็นหนังสือ




สำหรับตอนนี้ก็ยังขอบ้าต่อไป เพราะครึ้ม ๆ เรื่องบ้า คุยเรื่องบ้านี่มันครึ้มดี นี่ต่อไปเด็ก ๆ อาจจะบอก "หลวงตาบ้ามาแล้ว" เมื่อก่อนนี้เขียนเรื่องใช้ศัพท์ว่า



"ฤาษี" เพราะว่าเวลานั้นมันใกล้วจะตายแล้วเหมือนกัน เล่าเรื่องหลวงพ่อปาน คิดว่าหนังสือนั้นตรงไป "ฤาษี" ไม่มีอาบัติ ถ้าตายแล้วก็แล้วกันไป บังเอิญไม่ตาย ตอนนี้มาใช้ศัพท์ว่า "บ้า" ดีไม่ดีพวกเด็ก ๆ หรือไม่ใช่เด็กอาจจะเป็นพระก็ได้ จะเห็นว่า "ไอ้หมอบ้า" ไอ้เถรบ้านี่มาแล้ว ก็ตามใจ คนเราถ้าไม่บ้าก็ไม่หมดทุกข์ ถ้าบ้ามากหมดทุกข์มาก



ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าคนดีมีทุกข์มาก เพราะนิยมในเรื่องของทุกข์ คนบ้าเกลียดความทุกข์ (ขออภัยครับ เสมหะมันเล่นหนักต้องเลิกคาสเซทนี้ล่ะ ตอนนี้ต้องพักกันแค่นี้ แล้ววันหลังค่อยต่อไปใหม่)



มาเล่าถึงเรื่องแผ่นดินไหวกันต่อไป บ้าแผ่นดินไหวตามเดิม



หลังจากคืนนั้นมากลางวันไปเที่ยว เขาก็พาไปชมสถานีที่ภูเขาไฟระเบิดอะไรต่ออะไร ผมก็ไม่มีความรู้สึกสนุก เพราะคนแก่หมดสนุก เห็นว่าวัตถุทั้งหมดไม่มีค่า ยิ่งไปฐานทัพเรือเขาเล่าความเป็นมาที่ญี่ปุ่นโจมตี (อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์) ผมเห็นว่าการเกิดเป็นคนนี่มันยุ่งจริง ๆ มันมีแต่ความทุกข์ มันมีแต่ความวุ่นวาย หาความแน่นอนอะไรไม่ได้



ในเกาะฮาวายนี้ไม่ใช่ของอเมริกัน ไม่ใช่ของคนผิวขาวเดิม ชาวเม็กซิกันที่ในเกาะฮาวายแกใหญ่โตมโหฬารมาก โอ้โฮ..สูงมาก ใหญ่มาก ผู้หญิงก็เหมือนกับพ้อมเคลื่อนที่ แต่เขาบอกผู้หญิงที่นี่ถ้ายิ่งใหญ่ยิ่งโตยิ่งสวย ความสวยเขาวัดกันด้วยความใหญ่โต หลังจากนั้นก็เดินทางไปแคลิฟอร์เนีย
ขณะที่เดินทางไปแคลิฟอร์เนีย ไปถึงโน่น ก็มีคนมีพระมารับ ขอบคุณท่าน ยังไม่ขอเล่าเรื่องนี้



ต่อมาในตอนเช้าหลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ ฉันภัตตาหารเช้าของอเมริกาก็คือกินกลางคืนของประเทศไทย รวมความว่าประเทศไทยเริ่มค่ำ ที่โน่นก็เริ่มเช้า แคลิฟอร์เนียกับประเทศไทยก็เวลาต่างกันนิดหน่อย ถ้าไปที่ชิคาโกเวลามันจะตรงกันพอดีแม้แต่นาทีของเราเที่ยงวัน ของเขาก็เที่ยงคืน ของเราค่ำของเขาก็เช้าพอดี โมงเช้าของเขาของเราก็หนึ่งทุ่ม



ฉะนั้นผมไปอเมริกาผมก็หม่ำข้าวกลางคืนของประเทศไทยทุกวัน แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงปรับอาบัติ แต่ท้องมันจะล่อผมเข้า ผมก็ป่วยไปเดินโซซัดโซเซ สัญญาต้องเป็นสัญญา คิดถึงลูกคิดถึงหลานที่อยู่ประเทศอเมริกา เธอดีมาก ฉันข้าวเสร็จผมก็กลับมานอนพัก ตอนก่อนเพล เพราะว่าถ้ารับแขกทั้งวัน ผมก็ไม่ไหว ร่างกายก็ทรงไม่ค่อยไหว ไปพักที่วัดไทยในแคลิฟอร์เนีย



พอกลับมานอนนึกว่าไอ้แผ่นดินที่มันเป็นร่องยาวรอบโลก แล้วลมมันมาจากไหน นี่เป็นความรู้สึกจริง ๆ มันจะเป็นความโง่ของผม เพราะการไปในที่นั่นมันเห็นแต่ร่องแผ่นดินมันใหญ่จริง ๆ มันมีตลอดทั้งโลกในประเทศไทยก็ไม่ใช่ด้อย

พอนอนนึกเท่านั้นก็เห็นภาพพระพุทธเจ้าท่านลอยอยู่ข้างหน้า ท่านถามว่า "สงสัยเรื่องลมรึ ?"



ก็บอกว่า "สงสัยครับ เพราะว่าผมมีความรู้สึกว่าลมมันจะเข้าไปอย่างไร แผ่นดินมันจะไหวเพราะลมกระทบ ผมก็มองไม่เห็นว่าลมมันจะเข้าไปอย่างไร ลมมันจะพัดไปทางไหน ทางเข้ามันก็ไม่มี"



ท่านก็บอกว่า "ถ้ายังงั้น ตามฉันมาซิ"



ท่านก็พาไปใหม่ ไปที่เดิม ไปเรื่อยเฉื่อย ไปตลอดแนวมันยาวเท่าไหร่ มันยาวไปชนกัน บางทีมันก็ยังแยกอีก ก็แบบแม่น้ำใหญ่ ๆ มันก็แยกเป็นสาย ๆ ก็ต้นทางมันมาจากไหนก็ต่างคนต่างชนกัน มันยาวเหยียดมันใหญ่มาก ทั้งโลกมันก็มี ไม่ใช่มีเฉพาะอเมริกาและก่อนหน้าที่จะไปเป็นปีเดียวกันใช่หรือไม่ใช่ไม่ทราบ เขาบอกว่าที่ แคลิฟอร์เนียแผ่นดินไหว ตึกรามพังกันระเนระนาด หมอบุญเกิด แกถึงได้มาถามว่าจะเป็นอย่างนั้นอีกไหมครับ ก็บอกว่าแผ่นดินอาจจะไหวได้ แต่ที่แคลิฟอร์เนียไม่พังอีกล่ะ ถ้าจะพังก็พังเองไม่ใช่พังเพราะแผ่นดินไหว นี่ตอบไปตามความรู้สึก



เมื่อไปถึงเห็นโคลนมันเดือด ดินปนน้ำ เป็นลักษณะโคลนเดือนปุด ๆ ทั่วไปหมด อาการเดือดของมันก็เป็นไอขึ้นมา บอกว่าลมนี่มันมาจากจุดนี้ ลมมันก็มาจากไอน้ำที่มันระเหยขึ้นมาและมันเกาะตัวมาก ๆ เข้า ก็กลายเป็นลม เป็นลมกระแสใหญ่ ขึ้นมาเป็นลมใหญ่ ลมใหญ่มันก็กระแทกทางโน้นกระแทกทางนี้ ก็ถามท่านว่า



"ลมมันขึ้นมาทีละน้อย ๆ นี่ มันน่าจะไหลไปตามกระแสร่องของแผ่นดิน ซึ่งมันยาวเหยียด ไม่น่าจะมีกำลังแรง และทำไมแผ่นดินมันจึงไหวได้ ไม่น่าจะเป็นไปได้"



นี่เป็นด้านอารมณ์ความโง่ของผม ผมยอมรับ ท่านก็บอกว่า



"ลมใหญ่มันจะวิ่งไปตามสาย สายของร่องแผ่นดินแตกก็จริงแหล่ แต่ทว่าเธอต้องคิดถึงความเป็นจริงจุดหนึ่ง ซึ่งกระแสลมแรงนี่เขาเรียกว่า ไต้ฝุ่น"



ผมเรียกชื่อกับเขาไม่ถูก ไอ้โซนร้อนโซนหนาวอะไรผมก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เรียกว่าลมแรง ๆ ก็เหมือนกัน ในมหาสมุทร ถึงแม้ในประเทศไทยเราก็โดน มันมีขึ้นมาแล้ว มันพุ่งชนเรือเขาล่มไปบ้าง ดีไม่ดีเรือสินค้ามีน้ำหนักเป็นแสนตัน ยังหอบเอาไปไว้บนเกาะบ้าง พอชนบ้านเรือนโรงพังไปบ้าง ที่แคลิฟอร์เนียนั่นผมไปชายฝั่งเห็นไม้ไร่หักระเนระนาด บ้านช่องเขาพัง เขาบอกนี่ลมใหญ่ในทะเล มันพุ่งเข้ามาบ้านช่องพัง ท่านก็เลยบอกว่า



"เธอสังเกตหรือเปล่าว่าผิวโลกมันมีความกว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน และลมเกิดขึ้นน้ำน่าจะลอยไปบนอากาศ แต่มันไม่ไป กลับไปทิ่มบ้านทิ่มเรือนเขาพัง ทำไมมันถึงเป็นไปได้ ก็ไอ้ใต้แผ่นดินมันมีร่องแคบ ๆ ไอ้ช่องที่อากาศจะลอยตัวขึ้นไป หรือความร้อนจะลอยตัวขึ้นไป ลมจะลอยตัวขึ้นไป มันก็มีน้อย คือว่าเพดานมันต่ำ ในเมื่อมันรวมตัวขึ้นมา มันขยายตัวไม่ทันอย่างในมหาสมุทรมันน่าจะขยายเร็วแสนเร็ว ไปไหนก็ได้ แต่มันไม่ไปมันรวมกลุ่มแล้วก็วิ่งไปชนบ้านชนเรือนเขา



ข้อนี้ฉันใด แม้แต่ลมที่เกิดขึ้นในซ่องแผ่นดินแยกหรือที่เป็นร่องพื้นผิวที่เรานั่งอยู่ มันก็ก่อตัวในลักษณะเดียวกัน ในเมื่อมันรวมตัวกันจัด มันก็พุ่งไปชนทางโน้นบ้าง ชนทางนี้บ้างในช่องแคบจนกว่ามันจะไหลไปทั่ว ๆ ร่อง ก่อนที่จะไปความแรงของมันก็ชนกันเป็นเหตุให้แผ่นดินไหว"



ก็เลยเป็นอันว่าทราบว่าไอ้เจ้าลมนี้มันไม่ได้มาจากข้างนอก มันมาจากไอน้ำข้างในมีความร้อนสูง และผมก็ขอร้องให้ท่านไปสำรวจความร้อน ว่าความร้อน จริง ๆ ใต้ผิวแผ่นดิน ที่แผ่นดินเป็นร่อง ใต้ผิวลงไปนะ มันมีความร้อนขนาดไหน



ดูแล้วโอ้โฮ้...ใต้แผ่นดินนี่มันร้อนจริง ๆ มันร้อนจัดมาก ดีไม่ดีนี่เราเผลอเรียกว่า "ไฟนรก" ความจริงมันไม่ใช่ นรกไม่ได้อยู่ใต้ดิน ถ้านรกอยู่นั่น ผมไปต้องเจอะนรกมากแล้ว



อย่างกับทานพระครูอะไรก็ไม่ทราบ ท่านเขียนหนังสือมาถามว่า "นรกนี่มันอยู่ใต้ดิน ไอ้ที่พูดว่านรกมันมีอีกโลกหนึ่งน่ะโกหก"

ความจริงผมไม่ได้โกหกท่านและก็ไม่ได้โกหกใคร ผมพูดตามหลักวิชาความรู้ในพระพุทธศาสนา นี่พระพุทธเจ้าก็ดี พระโบราณาจารย์ก็ดี ท่านบอกนรกมันอยู่ใต้ดิน ท่านไม่ได้หมายความนรกอยู่ในดิน ไอ้ที่ผมไปเจอะนี่ความร้อนมันอยู่ในแผ่นดินในส่วนลึกใต้ผืนแผ่นดินลงไปไม่ใช่ใต้ดิน ใต้ดินนั่นก็หมายความว่า นี่นรกที่นั่นต้องไม่มีดินผืนนี้อยู่ และมันอยู่ต่ำกว่า



เป็นอันว่าวันนั้นก็เลยเข้าใจตามความจริงว่าความร้อนใต้แผ่นดินมีมากหนัก และที่ภูเขาไฟระเบิด ก็มีความเข้าใจว่า ไอ้ความร้อนมันกัดหินไปทีละหน่อย ๆ มันมีอยู่ที่ผิวมาก ว่าง ๆ มันก็พุ่งมาสักที ทำไมไม่พุ่งตลอด อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน อย่ามาถามกันนะ ผมไม่รู้ มันไหม้จนหินละลาย ก็ต้องคิด หินละลายเปิดเป็นช่องเป็นปล่องให้มันโผล่ขึ้นมา ความจริงมันน่าจะโผล่มาตลอดปีตลอดวัน มันก็ไม่โผล่ ไป ๆ มันก็จะโผล่ นี่เป็นเพราะอะไรผมไม่เข้าใจเหมือนกัน และก็ไม่อยากจะเข้าใจต่อไป ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะรู้



ก็เป็นอันว่าวันนั้นมีความรู้เรื่องแผ่นดินไหว ว่ามันจากกระแสของไอน้ำกลายเป็นลม เมื่อก่อตัวมาก ๆ ขึ้นมันก็เป็นลมพายุ ทิ่มทางโน้นทิ่มทางนี้ พื้นผิวแผ่นดินที่เราอยู่ ผิวตอนไหนใกล้กับกำลังแรงของลมตอนนั้นก็ไหวมาก ถ้าอยู่ไกลก็ไหวน้อยอยู่ไกลมากความสะเทือนไม่ถึงก็ไม่รู้สึกไหว และผมก็เลยสนใจเรื่องความร้อนในใต้ผืนแผ่นดิน ว่าความร้อนใต้ผืนแผ่นดินนี่ถ้านำมาใช้งาน เผาผลาญน้ำให้เกิดเป็นไอจะมีประโยชน์ต่อโรงงานมาก ก็รวมความว่าเป็นความคิดอย่างโง่ ๆ ของผม



พอเลิกจากเวลานั้นมา วันนั้นไปตั้งแต่เวลา ๒ โมง มีความรู้สึกตัวขึ้นอีก ๕ นาทีพลพอดี ก็มีความรู้สึกเคลิ้มไปนานหน่อย ถ้าจะถามว่าไปอย่างไรก็ต้องตอบว่าเคลิ้มไปก็แล้วกัน พูดอย่างอื่นก็ไม่รู้เรื่อง ผมไม่ได้มีญาณอะไรกับเขานี่ อยู่ ๆ ผมนึกขึ้นมา ผมเห็นภาพพระพุทธเจ้าหรือจะเป็นเพราะความเคลิ้มก็ไม่รู้ และผมก็เคลิ้มผมเรื่อยไปตามเรื่องตามราว ก็รู้เรื่องรู้ราวมาก



อีตอนรู้มาแล้วชักเริ่มสงสัยตัวเอง ตอนนั้นที่มีความรู้สึกเชื่อมั่นว่าเป็นจริงตามนั้น พอรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนจะฉันอาหาร "เอ๊ นี่เรามีความรู้สึกอย่างนี้มันตรงกับความเป็นจริงไหม" ผมก็มีความมั่นใจว่าฝรั่งนี่เขาเป็นคนอยู่ไม่สุข เขาก็พยายามค้นคว้าหาเหตุหาผลตามความเป็นจริงจนได้ เวลาที่ออกไปฉันข้าว ก็พบหน้า ดร.ปริญญา นุตาลัย เธออยู่ ก็เรียกเข้าไปบอกว่า



"ด็อกเต้อร์ ไอ้ที่ผืนแผ่นดินที่มันมีลมขึ้นมา เมื่อกี้ฉันไปเห็นมาแล้วด้วยอาการเคลิ้ม และปรากฏเห็นแผ่นดินมันมีน้ำโคลนเดือนปุด ๆ ๆ ความร้อนมันสูงมาก"



และ ดร.ปริญญา ก็บอกว่า "ฝรั่งเขารู้แล้วครับ"
เธอคงคิดว่าผมอาจจะคิดว่าฝรั่งยังไม่รู้ ความจริงมันไม่ใช่ ผมอยากจะพูดกับเธอก็หมายความว่าผมจะสอบดู ว่าไอ้ความเคลิ้มของผมน่ะมันตรงตามความเป็นจริงไหม ผมเชื่อมั่นว่าฝรั่งเขารู้จริง เธอก็ตอบว่า "ไอ้เรื่องนี้ฝรั่งเขารู้แล้วครับ"



ก็เลยบอก "ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันต้องการว่าฉันรู้ตรงหรือไม่ตรง ยังไง ๆ ฝรั่งรู้ไม่ผิด"

เธอก็บอก "รู้ตรงครับ"



เธอก็พูดต่อไปตามความรู้เดิมของเธอที่ศึกษามาด้านธรณีวิทยาว่า

"ลมที่เกิดขึ้นก็คือไอ้น้ำนี่เอง"



เธอก็พูดต่อไปตามความรู้เดิมของเธอที่ศึกษามาด้านธรณีวิทยาว่า
"ลมที่เกิดขึ้นก็คือไอ้น้ำนี่เอง"



เธอพูดตรงเป๋ง แหมผมก็ดีใจ บอกเออดีจริง ๆ ไอ้ความรู้เคลิ้ม ๆ ของเราก็ไปตรงกับความรู้ของฝรั่ง
นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ความรู้ทางพระพุทธศาสนาของเรา ถ้าเรามีความมั่นใจจริง ๆ มันก็ชนกับความจริงได้ ซึ่งเป็นหลักวิชาที่เราไม่ต้องใช้ทุนมากเลย ไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียน ในประเทศเราเยอะไม่ต้องจ่ายเงินไทยเป็นประโยชน์กับประเทศอื่น กลับมาไม่เป็นประโยชน์ ผมก็เสียดายสตางค์เหมือนกัน




ฉะนั้นการไปของผมคราวนั้นผมคิดว่าคุ้มค่าที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทออกสตางค์ให้ผม ถ้าจะถามว่าเอาเงินที่ไหนไป ปัดโธ่เอ๋ย...คนอย่างผมเป็นหนี้เขาเป็นล้าน ๆ จะมีเงินที่ไหนไป แต่การจะไปทางไหนก็อาศัยความดีของญาติโยมพุทธบริษัทเพราะว่าลูกศิษย์ลูกหลาน ผมไม่เรียกลูกศิษย์ละ ลูกหลานในอเมริกาก็ต่างคนต่างส่งมาเป็นทุนอันดับแรก และบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทภายในประเทศเราก็เหมือนกันต่างคนต่างรู้ ต่างคนก็ต่างให้



รวมความว่าการไปคราวนั้นทุกคนต้องเสียค่าเครื่องบินกันเอง แต่ทุกคนก็ดีไปทำงานให้แก่พระพุทธศาสนา สอนกรรมฐานกันด้วยความเต็มใจ ทั้ง ๆ ที่วันเวลาเปลี่ยนแปลงไป



ก็รวมความว่าความรู้พิเศษในพระพุทธศาสนา สามารถตามฝรั่งได้ ที่ว่าตามฝรั่งได้ ถ้าจะถามว่าเราจะรู้ให้ก่อนหน้าฝรั่งได้ไหม มันคงจะได้ครับ แต่ผมไม่อยากรู้ เพราะองค์อื่นท่านอาจจะรู้แล้วก็ได้ แต่ผมน่ะขี้เกียจ ผมมีความรู้สึกกว่าการปฏิเสธร่างกายนี้ ที่เราเห็นว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรามันเป็นของยาก และตั้งใจจะทำใจให้มีความรู้สึกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราอยู่เสมอ ในขณะใดเผลออาจจะคิดว่าร่างกายเป็นเราเป็นของเรา ผมกลัวตัวเผลอตัวนี้ดึงไป ไม่อยากเอาจิตใจไปรู้เรื่องอื่น



และความรู้อย่างนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นเด่น เพราะผมทราบว่าพระในประเทศไทยที่มีความรู้ความสามารถกว่าผมเกินกว่าผมมีเยอะ ที่มีตัวมีตนอยู่เวลานี้มีเยอะ ความรู้อย่างที่ผมรู้นี่ ผมบอกเป็ด ๆ นี่ มันเป็ดจริง ๆ สำหรับท่านพวกนั้น ท่านพวกนั้นท่านมีความรู้ความสามารถดีกว่าผมเยอะ ถ้าผมจะนำความสามารถไปเทียบกับท่าน ผมก็เป็นเป็ดนั่นเอง แต่ว่าจะถามว่าใครผมจะบอกได้ยังไง ในเมื่อตัวท่านเองท่านไม่พูด ตัวท่านเองท่านไม่บอก และผมไม่ใช่ตัวท่านผมจะบอกได้ยังไง



จะถามว่า "เป็นการกีดกันความดีกันหรือ ?"



จะกีดกันทำไม ทุกคนต่างช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาให้คงตัว เราไม่ต้องการให้พระพุทธศาสนาสลายตัว ถ้าเราจะปิดกันก็เป็นการช่วยกันกลั่นแกล้งทำพระ-พุทธศาสนาสลายก็แล้วกัน





ฉะนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทและเพื่อนภิกษุสามเณรทุกท่านที่มีความสนใจ เวลาท่านไปหาพระอะไร ท่านก็สังเกตเอาเองก็แล้วกัน การฝึกของท่านจากวิชชาหลักสูตรเป็ด ๆ ที่ผมให้ ก็ต้องใช้กำลังใจนิดหน่อย ถ้าอยากจะรู้อะไร อย่ารู้เอง ทำใจให้สบายว่างจากกิเลสชั่วคราว ถ้าจิตว่างจากกิเลสมีขึ้น ให้ตั้งใจถามพระทันทีว่าพระในประเทศไทยนี่ที่ดีจริง ๆ มีความสามารถเลิศกว่านี้ มีที่ไหนบ้างและท่านผู้นั้นอยู่ที่ไหน มีอายุเท่าไร มีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง ชื่ออะไร มีความสามารถขนาดไหน วิชชาสาม หรืออภิญญาหก หรือปฏิสัมภิทาญาณ อันนี้ท่านอาจจะรู้ได้ทันที แต่ว่าจงอย่าใช้ความสามารถของตนเองนะ ให้เป็นความสามารถของพระท่าน เท่านี้พอ



หากจะย้อนถามผมว่า "รู้ไหม เห็นไหม ?"



ก็ตอบว่า "บางท่านผมรู้ ไม่งั้นผมจะพูดได้อย่างไร"



แต่ก็น่าเสียดายพระที่พอจะพูดกันได้ท่านก็ตายไปหลายองค์ ท่านที่ตายไปหลายองค์เป็นพระที่มีความสามารถชั้นเลิศ ท่านเลิศทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา ผมขอพูดไว้แค่นี้นะ เลิศทั้งศีล ทั้งสมาธิ ปัญญา ซึ่งผมเองไม่สามารถจะตามเข้าไปใกล้แม้แต่เงาของท่าน น่าเสียดายว่าท่านตายไปเสียแล้ว และที่อยู่นี่ก็ยังมี ผมจะพูดได้ยังไงล่ะ



ก็รวมความว่าท่านใช้ความรู้ที่มีน้อย ๆ ของท่านเข้าไปพิสูจน์แล้วไปนมัสการท่าน อย่าลืมว่าพระพวกนี้ท่านไม่นินทาใคร ไม่เมาในความรักในระหว่างเพศ ไม่ติดในสีสันวรรณะ ไม่เมาในความโลภ



แต่ก็อย่าลืมนะเครื่องสังเกต พระที่ไม่เมาในความโลภ คนชอบเอาเงินเอาทองใช้ไปถวายอยู่เสมอ นี่เขามาถวายเป็นปกติจนกระทั่งมากมาย เพราะอะไร ก็เพราะว่าจิตท่านบริสุทธิ์ ท่านไม่เมา ท่านไม่โลภ ถ้ามีความเมา มีความโลภ คนให้แล้วเขาก็ท้อ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าพวกนี้ไม่มีคำว่าพออยู่ในใจ จะหาความพอไม่ได้ ตะเกียกตะกายอยากได้อยู่เสมอ ไอ้ตัวกิเลสมันตัดความดี ญาติโยมเวลานี้ก็หาคนโง่ยาก เวลานี้คนฉลาดเยอะถามว่าคนโง่จะมีไหม ก็ต้องตอบว่ามี แต่ผมไม่ค่อยจะพบคนโง่ พบทีไรเป็นคนฉลาดทุกที ท่านฉลาดอย่างนี้เราต้มท่านไม่ได้ ท่านจึงมีความฉลาด เมื่อความฉลาดมีท่านจึงเลือกเนื้อนาบุญที่ดีควรจะหว่านพืช



ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า "พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก" ท่านก็ยังบอกอีกว่า "การหว่านพืชเพื่อหวังผล จะต้องเลือกเนื้อนาดี ๆ ถ้าหว่านในที่ดอนเกินไป ฝนแล้งน้ำเลี้ยงไม่ถึงพันธุ์พืชตายขาดทุน ถ้าหว่านในที่ลุ่มเกินไปน้ำท่วม พันธุ์พืชตายขาดทุน ถ้าหว่านในที่พอดี ๆ ฝนก็ไม่แล้งเกินไป ไม่ตกหนาเกินไป น้ำพอดีพืชก็งามมีกำไร"



ข้อนี้ฉันใด การบำเพ็ญกุศลทำบุญในพระพุทธศาสนาก็เหมือนกัน เวลานี้ญาติโยมฉลาด ถึงเวลาทอดกฐิน อะไรก็ดี ออกมาจากกรุงเทพ ฯ กันพรึ่บ ๆ ถึงเวลาทอดกฐินในกาลนั้น โอ้โฮ...ไปทางไหนวันไหน ก็เจอะแต่รถกฐินเป็นขบวนใหญ่ ท่านวิ่งไปไกลแสนไกล โน่น.. ฝั่งแม่น้ำโขงท่านก็ไป ใกล้เขตแดนด้านเหนือจะสุดประเทศไทยท่านก็ไป ใต้สุดท่านก็ไป ท่านไปกันถึงที่สุด



ไอ้การไปแบบนั้นมันต้องเสียค่าพาหนะ ค่าอาหารมาก ค่าใช้จ่ายสูงมากตัวท่านผู้ไปเองก็ไม่มีความสะดวก ต้องนั่งแกร่วไปในรถ ไปถึงที่พักก็ไม่แน่ว่าจะพักที่ไหน ที่พักดีหรือไม่ดีก็ไม่ทราบ บางทีก็ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ที่พักไม่พอก็ต้องปูเสื่อกับพื้นแผ่นดิน กางเต้นท์บ้าง ท่านก็ไปกัน การไปอย่างนั้น ท่านไม่ได้ไปเพราะความโง่ ท่านไปเพราะความฉลาด



ถ้าจะถามว่า "วัดใกล้บ้านท่านไม่มีหรือ"

ก็เป็นอันว่าท่านผ่านวัดไปเลยร้อยวัด และทำไมจึงไม่แวะ ที่ไม่แวะเพราะยังไม่ทราบว่าวัดที่ผ่านไปดีพอที่เขาจะทำบุญไหม อาจจะดีแต่เขายังไม่รู้ หรืออาจจะดีเกินไปเขาทำบุญไม่ไหว หรือกำลังดีหย่อนไปทำบุญไม่ได้ คือไม่พอดีกับกำลังใจ เพราะการทำบุญนี่ก็มีความสำคัญ คือผู้รับกับผู้ให้ต้องผสมผสานกันเป็นอย่างดี



ฉะนั้นการที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทตามที่กล่าวนี้ท่านไป ก็ควรจะโมทนา โมทนาคือการยินดีด้วย เราไม่ได้ไปกับท่าน เราก็แย่งความดีท่านมาหน่อย ท่านไม่แหว่ง นั่นคือดีใจกับความดีที่ท่านมีความพยายาม



เป็นอันว่าเวลาที่เหลืออีกครึ่งนาที ความรู้กระทบจิตนี้ขอบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและญาติโยมพุทธบริษัทไม่ต้องไปตั้งใจเพื่อรับการกระทบ ตั้งใจอย่างเดียวคือศีลบริสุทธิ์ ตัดโลภะ ความโลภ ด้วยการคิดที่จะให้ทาน และก็ระงับนิวรณ์ ๕ ประการอย่าให้กวนใจ ทำกำลังใจให้ทรงไว้ซึ่งพรหมวิหาร ๔ รักษากำลังใจดีด้วยการภาวนาตามเวลา ทำปัญญาให้เข้าใจตามความเป็นจริง และทรงอารมณ์สมาธิไว้ให้จิตนิ่ง ๆ ว่างจากกิเลส โดยจับพระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์คือพระพุทธเจ้า ถ้าไม่รู้จักพระพุทธเจ้า ท่านที่รับฟังอยู่นี่ท่านรู้จักภาพพระพุทธเจ้าหมด



สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักภาพพระพุทธเจ้าก็จับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ถ้าเรามีความรักให้เห็นเป็นปกติอยู่ในอก หรือเห็นเป็นปกติอยู่ในสมอง หรือเห็นปกติที่ลอยข้างหน้า ลอยข้างบนก็ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง จับภาพให้ชัดเจนแจ่มใสตามกำลังที่จะพึงทำได้ และมีความพอใจในภาพที่ในขณะเห็นเพียงเท่านี้ อารมณ์สัมผัสของจิตแบบนี้จะปรากฏกับท่านทุกขณะที่ท่านปรารถนา

เวลานี้หมดเวลาจะพูดเสียแล้วครับ สัญญาณบอกเวลา ๒ เครื่องบอกว่า "หมดเวลาแล้ว" ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนและบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรผู้รับฟังทุกท่าน





สวัสดี





แหล่งที่มา :

- หนังสือ มโนมยิทธิและประวัติของฉัน
- เวปหลวงพ่อฤาษีดอทคอม












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บ้านอิ่มบุญ

บ้านอิ่มบุญ
กลับหน้าหลัก